ยักษ์ใหญ่ เซเรีย อา ยื่นมือช่วย แรชฟอร์ด หนีวิกฤตแมนยู
ยักษ์ใหญ่ฟุตบอลอิตาลี เอซี มิลาน กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการ ยืมตัว กองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร์คัส แรชฟอร์ด
ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ตกเป็นข่าวลือเรื่องการย้ายทีมตั้งแต่เขาเปิดเผยความต้องการ "โอกาสใหม่" ในกลางเดือนธันวาคม รูเบน อโมริม ได้ถอดแรชฟอร์ด ออกจากทีมในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่เขาจะออกมาแถลงการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการพักการลงเล่น 4 เกม เพื่อลงโทษสิ่งที่โค้ชมองว่าเป็นพฤติกรรมนอกสนามที่ยอมรับไม่ได้
แม้ว่า อโมริม จะยืนยันว่า แรชฟอร์ด สามารถกลับมาเป็นตัวจริงของ ยูไนเต็ด ได้ แต่มีรายงานว่าสโมสรพร้อมที่จะขายนักเตะจากอคาเดมี่ที่ฟอร์มตกต่ำรายนี้
ในขณะที่ข้อเสนอจากสโมสรชั้นนำในยุโรปมีน้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีลีกซาอุดิอาระเบียที่มีทุนสนับสนุนสูงเป็นผู้นำในการทาบทาม แต่ตามรายงานของ เดลี่ เมล มิลาน กำลังสนใจนักเตะวัย 27 ปีรายนี้
ทีมในเซเรีย อา เพิ่งเปลี่ยนผู้จัดการทีมเมื่อไม่นานมานี้ โดยนำ เซร์จิโอ คอนเซเซา นักยุทธศาสตร์ชาวโปรตุเกส มาแทนที่ เปาโล ฟอนเซกา เมื่อต้นสัปดาห์ ส่วนบุคคลที่ยังคงอยู่กับสโมสรคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
อดีตกองหน้า ยูไนเต็ด ที่เคยลงเล่นร่วมกับ แรชฟอร์ด 43 นัดให้กับปีศาจแดง ปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการดำเนินงานที่ เรดเบิร์ด แคปิตอล เจ้าของ มิลาน บทบาทของ อิบราฮิโมวิช มักจะไม่ชัดเจน แต่เขาได้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลต่อการสร้างทีมในช่วงฤดูร้อน เมื่อ ฟอนเซกา ประกาศว่าสโมสรได้เสร็จสิ้นการเซ็นสัญญานักเตะแล้ว อิบราฮิโมวิช เตือนว่า "ผู้จัดการทีมจัดการทีม ส่วนสโมสรจัดการเรื่องที่เหลือ ตลาดซื้อขายจะปิดเมื่อผมบอกว่ามันปิด"
ตอนนี้ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมเปิดแล้ว และ ยูไนเต็ด พร้อมพิจารณาข้อเสนอยืมตัวใดๆ ที่มีเงื่อนไขบังคับซื้อขาด บางแหล่งข่าวระบุว่าทีมของ อโมริม อาจยอมรับค่าตัวเพียง 40 ล้านปอนด์ เพื่อลบค่าจ้างของ แรชฟอร์ด ซึ่งเชื่อว่าสูงกว่า 325,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ออกจากบัญชีของสโมสร
นาโปลี จ่าฝูงลีก ก็แสดงความสนใจใน แรชฟอร์ด เช่นกัน ผู้จัดการทีม อันโตนิโอ คอนเต้ มีชื่อเสียงในการดึงตัวอดีตนักเตะพรีเมียร์ลีก โดยเพิ่งคว้าตัวอดีตเพื่อนร่วมทีม ยูไนเต็ด ของ แรชฟอร์ด อย่าง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ โรเมลู ลูกากู เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความต้องการทางการเงินในการย้ายทีมของกองหน้าที่ต้องการออกจากทีมรายนี้ถือว่าเป็น "ความท้าทาย" สำหรับ นาโปลี